Whole-Food Plant-Based (WFPB) เป็นแนวทางการรับประทานอาหารที่เน้น อาหารจากพืชที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด และ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยให้ความสำคัญกับสารอาหารจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่วเมล็ดแห้ง
แตกต่างจากมังสวิรัติ (Vegetarian) และวีแกน (Vegan) อย่างไร?
แม้ว่า WFPB จะมีพื้นฐานจากพืชเหมือนอาหารมังสวิรัติและวีแกน แต่เน้นไปที่ อาหารไม่ผ่านกระบวนการมากเกินไป เช่น หลีกเลี่ยงน้ำมันสกัดและผลิตภัณฑ์จากแป้งขัดสี
อาหารที่เหมาะกับ Whole-Food Plant-Based Diet
ผักและผลไม้สด – ผักใบเขียว ผลไม้ตามฤดูกาล
ธัญพืชเต็มเมล็ด – ข้าวกล้อง ควินัว ขนมปังโฮลวีต
ถั่วและเมล็ดพืช – อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดฟักทอง
โปรตีนจากพืช – เต้าหู้ เทมเป้ ถั่วเลนทิล
เครื่องปรุงจากธรรมชาติ – ซอสจากพืช น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม ไข่
อาหารแปรรูป เช่น น้ำตาลทรายขาว น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการสูง
อาหารขยะและของทอด เช่น มันฝรั่งทอด ขนมอบที่มีไขมันทรานส์
ประโยชน์ของการกิน Whole-Food Plant-Based (WFPB)
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง – การวิจัยพบว่าอาหารจากพืชช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
ช่วยควบคุมน้ำหนัก – WFPB มีแคลอรีต่ำ อุดมด้วยใยอาหาร ทำให้อิ่มนานขึ้น
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์
เสริมสร้างพลังงานและระบบย่อยอาหาร – ใยอาหารจากพืชช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น
วิธีเริ่มต้นรับประทาน Whole-Food Plant-Based Diet
เริ่มจากมื้อเล็กๆ – ลองเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง หรือทานมื้อเช้าที่มีผลไม้สดและข้าวโอ๊ต
เน้นอาหารสดแทนอาหารแปรรูป – ลดอาหารสำเร็จรูป และเลือกกินอาหารธรรมชาติ
ลองเมนูโปรตีนจากพืช – แทนที่เนื้อสัตว์ด้วยถั่ว เต้าหู้ หรือเทมเป้
ลดการใช้น้ำมัน – แทนการทอดด้วยการอบ ต้ม หรือผัดน้ำ
ศึกษาและวางแผนมื้ออาหาร – การเตรียมอาหารล่วงหน้าช่วยให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น
Whole-Food Plant-Based (WFPB) เป็นแนวทางการกินอาหารที่เน้นพืช ไม่ผ่านกระบวนการมากเกินไป ช่วยเสริมสุขภาพ ลดโรคเรื้อรัง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หากคุณต้องการเริ่มต้นไลฟ์สไตล์สุขภาพดี ลองปรับการกินมาเป็น WFPB แล้วคุณจะสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ดีขึ้น!